ข้อกำหนดและเงื่อนไข
1. ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล
1.1 ข้อมูลทั่วไป หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ อาทิเช่น
- ชื่อ, นามสกุล หรือชื่อเล่น
- เลขประจำตัวประชาชน, เลขหนังสือเดินทาง, เลขบัตรประกันสังคม, เลขประจำตัวผู้เสียภาษี
- หมายเลขโทรศัพท์, อีเมลส่วนตัว, ที่อยู่, รายละเอียดการติดต่อฉุกเฉิน
- ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP address, MAC address, Cookie ID
- ข้อมูลทางชีวมิติ (Biometric) เช่น รูปภาพใบหน้า, ลายนิ้วมือ, ฟิล์มเอกซเรย์, ข้อมูลสแกนม่านตา,
ข้อมูลพันธุกรรม
- ข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงไปยังข้อมูลข้างต้นได้ เช่น วันเกิดและสถานที่เกิด, เชื้อชาติ, สัญชาติ, น้ำหนัก,
ส่วนสูง, ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ (location), ข้อมูลการแพทย์, ข้อมูลการศึกษา, ข้อมูลทางการเงิน
- ข้อมูลที่สามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลในอินเทอร์เน็ต
1.2 ข้อมูลด้านการเงิน หมายถึง ข้อมูลหรือสิ่งใด ๆ ที่แสดงออกมาในรูปเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่
ภาพวาด ภาพถ่าย การบันทึกภาพหรือเสียงการบันทึกโดยเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์
หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฎขึ้นในเรื่องที่เกี่ยวกับสถานะทางการเงิน
หรือสภาพคล่องทางการเงินของบุคคลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้
1.3 ข้อมูลอ่อนไหว ได้แก่ ข้อมูลสุขภาพ, ประวัติอาชญากรรม, ข้อมูลชีวภาพ
1.4 ข้อมูลอื่น ๆ หมายถึง ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในการใช้ทำธุรกรรมกับบริษัทนอกเหนือจากข้อมูลในข้อ 1.1 ถึง
1.3 ที่ทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
2. วัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ไว้เพื่อการประมวลผล
การบริหารจัดการ
การดำเนินการเกี่ยวกับการ ร่วมประมูลซื้อทรัพย์สิน การขอสินเชื่อ การขอเครดิตวงเงิน หรือธุรกรรมต่าง ๆ
ที่ลูกค้ายื่นต่อบริษัท รวมถึงการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ อนุมัติวงเงิน รวมตลอดถึงการตรวจสอบ การวัดผล ประเมินผล
วิเคราะห์ หรือดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น
2.1 การดำเนินการและให้บริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณา การให้สิทธิร่วมประมูลซื้อสินทรัพย์
การขอสินเชื่อ การจัดเก็บเงินค่าเช่าและเงินหรือหนี้สินอื่น ๆ รวมถึงการต่ออายุ การเปลี่ยนแปลงแก้ไข
การยกเลิกธุรกรรม และการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของเจ้าของข้อมูล
2.2 เพื่อดำเนินการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท
รวมถึงช่วยให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามภาระผูกพันที่บริษัทมีต่อลูกค้า และส่งมอบบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ตามที่ได้ตกลงไว้กับลูกค้าที่จะซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ
2.3 เพื่อใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์เสนอให้ใช้ และ/หรือปรับปรุงบริการ หรือผลิตภัณฑ์
2.4 เพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับ หรือข้อกำหนดอื่น ๆ ตามกฎหมาย
2.5 เพื่อดำเนินการสอบทาน ตรวจสอบ ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ที่ได้รับจากหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือหน่วยงานอื่น ๆ ในกรณีที่เกี่ยวกับการขอสินเชื่อ หรือ
เครดิต
2.6 เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริการหลังการขายแก่ลูกค้า รวมถึงการให้บริการติดตาม ประสานงาน แก้ไขปัญหา
แก่ลูกค้าตามความเหมาะสม
2.7 เพื่อการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงตามที่กล่าวมาข้างต้น
3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
3.1 ข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง
- ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทั่วไป ข้อมูลด้านการเงิน
ที่ลูกค้า/ผู้ขอทำธุรกรรมได้ให้ไว้ขณะที่ขอทำธุรกรรมหรือภายหลัง โดยให้ข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การกรอกเอกสาร
การส่งมอบเอกสาร เป็นต้น รวมถึงเอกสารประกอบและข้อมูลต่าง ๆ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
สำเนารายการเดินบัญชี (statement) เป็นต้น ที่ลูกค้า/ผู้ขอทำธุรกรรมได้มอบให้กับบริษัท พนักงาน
หรือตัวแทนของบริษัท ในรูปแบบหนังสือหรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าให้ไว้ในการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือกิจกรรม ต่าง ๆ ของบริษัท
3.2 ข้อมูลจากแหล่งอื่น
- ข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ
- ข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน หรือพันธมิตรทางธุรกิจ
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้า พนักงาน/ตัวแทนของลูกค้า ผู้รับประโยชน์ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่ทำธุรกรรมต่าง ๆ
กับบริษัท ให้มา
4. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า พนักงาน/ตัวแทนของลูกค้า ผู้รับประโยชน์
หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง เกินกว่าระยะเวลาที่บริษัทเห็นว่าจำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ได้จัดเก็บ
ยกเว้นกรณีที่กฎหมายกำหนดให้เก็บข้อมูลดังกล่าวในระยะเวลาที่นานกว่านั้น
5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นความลับตามที่กฎหมายกำหนด
และตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่พนักงาน ตัวแทน
บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน พันธมิตรทางธุรกิจบุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง
หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะที่จำเป็นให้แก่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
จำกัด หน่วยงานตามกฎหมาย และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในกรณีที่มีการขายกิจการ ซื้อกิจการ การควบรวมธุรกิจ หรือการพัฒนาองค์กร
("การดำเนินการทางธุรกิจ") ที่อาจเกิดขึ้นได้ ที่มีการเสนอ หรือเกิดขึ้นจริง
อาจต้องมีการเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลให้แก่บุคคลภายนอกรวมทั้งที่ปรึกษา/ตัวแทน
เนื่องจากการดำเนินการทางธุรกิจดังกล่าว
ซึ่งเจ้าของข้อมูลยอมรับว่าการเปิดเผยและโอนข้อมูลดังกล่าวเกิดขึ้นและอนุญาตให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก
นั้น ๆ
หากบริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ได้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
หรือตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในหนังสือให้ความยินยอมฉบับนี้
บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนการดำเนินการดังกล่าว
6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
บริษัทอาจจะส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ไปยังต่างประเทศ
ซึ่งประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิดังนี้
7.1 ขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล
7.2 แจ้งให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์
และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.3 ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้
ในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ
และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
7.4 คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน
หรือที่กฎหมายอนุญาตให้เก็บได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เมื่อใดก็ได้
7.5 ขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการลบหรือทำลาย
หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
ในกรณีตามที่กฎหมายกำหนด
7.6 ขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีตามที่กฎหมายกำหนด
7.7 ถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ ภายใต้ข้อกำหนดในข้อ 8
7.8 ร้องเรียนในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
8. ผลการเพิกถอนความยินยอม
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจเพิกถอนความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวข้างต้น โดยแจ้งให้บริษัททราบและบริษัทอาจขอทราบถึงเหตุผลแห่งการนั้น
การเพิกถอนความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้านั้น
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์ที่จะเพิกถอนความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล จะมีผลกระทบต่อผู้เพิกถอนการให้ความยินยอมเกี่ยวกับการให้บริการ ต่างๆของบริษัทฯ
การพิจารณาสินเชื่อ การขอเครดิตวงเงิน หรือธุรกรรมต่าง ๆ หรือการจ่ายเงินตามสัญญาเช่า รวมทั้งการให้บริการใด ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการให้เช่าทรัพย์สิน และส่งผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้
9. ช่องทางติดต่อ
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถติดต่อบริษัทตามช่องทาง ดังนี้
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อ : ทีมคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฝ่ายบริหารข้อมูล
สถานที่ติดต่อ : บริษัท สยามอินเตอร์ การประมูล จำกัด
180 ถนนรามคำแหง แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240
ช่องทางการติดต่อ : เว็บไซต์ : www.sia.co.th
อีเมล : pdpateam@sia.co.th
โทรศัพท์ : 02-119-7111 ต่อ 601 / หรือ ต่อ 900
10. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy Policy)
ตามความเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้
หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้ทราบด้วยการอัพเดทข้อมูลลงในเว็บไซต์
หรือแจ้งผ่านทางอีเมล และ/หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ โดยเร็วที่สุด